รีวิว Alphard vs Vellfire โดย B Autohaus

Last updated: 29 ส.ค. 2567  |  69 จำนวนผู้เข้าชม  | 

รีวิว Alphard vs Vellfire โดย B Autohaus

รถยนต์ MPV หรูหรา Toyota Alphard และ Toyota Vellfire ถือเป็นสองรุ่นที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในตลาดรถยนต์ไทย ด้วยดีไซน์ที่โดดเด่นและฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลาย ทั้งสองรุ่นนี้มีความคล้ายคลึงกันในหลาย ๆ ด้าน แต่ก็มีความแตกต่างที่ต้องพิจารณาอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจเลือกซื้อ บทความนี้ B Autohaus จะพาทุกท่านไปเจาะลึกถึงความแตกต่างระหว่าง Toyota อัลพาร์ด และ Toyota เวลไฟร์ รุ่นปี 2024 ทั้งในด้านดีไซน์ สมรรถนะ และฟีเจอร์ต่าง ๆ เพื่อให้คุณสามารถตัดสินใจได้อย่างมั่นใจว่า รุ่นใดจะเหมาะสมกับความต้องการและไลฟ์สไตล์ของคุณมากที่สุด

มารู้จัก  Toyota New Alphard และ Vellfire รุ่นปี 2024

Toyota New Alphard รุ่นปี 2024 เป็นรถยนต์ MPV ระดับพรีเมียมที่ได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมด โดยเน้นความหรูหราและความสะดวกสบายสูงสุดสำหรับผู้โดยสาร ภายใต้การออกแบบที่ยึดหลักแนวคิด "Forceful x Impact Luxury" ซึ่งผสมผสานระหว่างความสง่างามและความทรงพลัง อัลพาร์ดรุ่นปี 2024 มาพร้อมกับการออกแบบกระจังหน้าที่ใหม่ ซึ่งดูสวยงามและดุดันมากขึ้น ผสมผสานการใช้วัสดุที่มีคุณภาพสูงและเทคโนโลยีที่ทันสมัย

Toyota Alphard รุ่นปี 2024 แบ่งออกเป็น 3 รุ่นหลัก 
1 และ 2 : Toyota Alphard 2.5 HEV และ HEV Luxury
- เครื่องยนต์: ไฮบริด 2.5 ลิตร Dual VVT-i
- กำลังสูงสุด: 250 แรงม้า
- ระบบเกียร์: E-CVT
- ระบบขับเคลื่อน: 4 ล้อ E-Four
3 : Toyota Alphard 2.4 Turbo
   - ใช้เครื่องยนต์เทอร์โบที่มีกำลัง 276 แรงม้า มาแทนที่รุ่นเครื่องยนต์ 3.5 ตัวเก่า

Toyota Vellfire รุ่นปี 2024 แบ่งออกเป็น 1 รุ่นหลัก
1 : Toyota Vellfire 2.5 HEV Hybrid
   - ใช้ระบบไฮบริดที่มีกำลังรวม 250 แรงม้า
   - เครื่องยนต์เบนซิน 2.5 ลิตร Dual VVT-i ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า
   - ระบบเกียร์ E-CVT
   - ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ เทคโนโลยี E-Four

การออกแบบภายนอก

New Alphard รุ่นปี 2024 ได้รับการออกแบบภายนอกที่เน้นความหรูหราและพรีเมี่ยมมากยิ่งขึ้น โดยมีการเปลี่ยนแปลงที่โดดเด่นหลายจุดซึ่งทำให้รถรุ่นนี้ดูมีความสวยงามและดุดันมากยิ่งขึ้น มาดูกันว่าหากเปรียบเทียบกับ Vellfire รุ่นปี 2024 มีจุดไหนที่แตกต่างกันบ้าง

กระจังหน้าและไฟหน้า
กระจังหน้าของ Alphard รุ่นใหม่นี้มีการเปลี่ยนแปลงจากรุ่นเก่าอย่างเห็นได้ชัด โดยกระจังหน้าตัวใหม่ถูกออกแบบให้สวยงามและดุดันมากขึ้น มีการตกแต่งด้วยโครเมียมและมีลักษณะเป็นตารางสีดำ นอกจากนี้ยังเป็นครั้งแรกที่ได้รับการติดตั้งโลโก้สามห่วง ที่เป็นสัญลักษณ์ของทางแบรนด์ ไฟหน้าใหม่ของอัลพาร์ด มีขนาดเล็กลงแต่ดูเฉียบคมและสวยงามมากขึ้น โดยมีการดีไซน์แบบ Optical Edition ที่กลมกลืนไปกับตัวกระจังหน้า ไฟ Daytime Running Light (DRL) ถูกแบ่งเป็นหลายดวงและกลมกลืนไปกับตัวกระจังหน้า เมื่อปิดไฟ DRL จะดูเหมือนเป็นกระจังชิ้นใหญ่ชิ้นเดียว ไฟหน้ามีลูกแก้วข้างในถึงสามตัว ทำให้การส่องสว่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

เปรียบเทียบกับ Vellfire
- กระจังหน้าของ Vellfire เป็นโครเมียมแนวนอน 6 ชั้น ดูสปอร์ตและทันสมัยมากขึ้น ไฟหน้า LED มีดีไซน์เฉพาะตัวที่ดูดุดันกว่า

กันชนและไฟท้าย 
กันชนของ Alphard มีการออกแบบที่แตกต่างจาก Vellfire โดยกันชนของ Alphard ตรงครอบไฟตัดหมอกจะเป็นรูปคล้าย ๆ สี่เหลี่ยมข้าวหลามตัด ในขณะที่ Vellfire โครเมี่ยมจะเป็นรูปทรงตัว L ไฟท้ายของ อัลพาร์ด รุ่นใหม่มีรูปทรงเฉพาะตัวแบ่งเป็น 3 แถวตามแนวนอน โดยแนวเส้นแบ่งช่วงสั้น ๆ คล้ายปีกนก ทำให้ดูโฉบเฉี่ยวมากขึ้น

เปรียบเทียบกับ Vellfire
- กันชนของ Vellfire มีโครเมียมรูปทรงตัว L ไฟท้าย LED มีกราฟิกที่แตกต่างจาก Alphard ทำให้ดูสปอร์ตและทันสมัย

กระจกมองข้างและกล้อง
กระจกมองข้างของอัลพาร์ด มีกล้องติดตั้งอยู่ รวมถึงฝั่งขวาและท้ายรถ ทำให้เมื่อเปิดจอรุ่นใหม่ที่เป็นจอสกรีนขนาดใหญ่ จะสามารถเห็นภาพจากกล้องรอบคันได้อย่างชัดเจน ซึ่งจะเหมือนกับ Vellfire

ล้อและยาง
สำหรับดีไซน์ด้านข้างของ New Alphard มีความใหม่และเฉียบคมมากขึ้น ล้อใหม่ลาย 5 ก้าน ขนาด 18 นิ้ว มาพร้อมกับยางโยโกฮามา รุ่นแอดแวน V03 ขนาด 225/60 R18 ซึ่งให้ความนุ่มนวลและขับเงียบมาก

เปรียบเทียบกับ Vellfire
- ล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว มีให้เฉพาะในรุ่น Vellfire 2.5 HEV

ความสูงและการออกแบบท้ายรถ  
นอกจากนี้ รถรุ่นนี้ยังมีการลดความสูงลง 1.5 ซม. ทำให้ขับแล้วมีความกระชับและนุ่มนวลมากกว่า และท้ายรถของ Toyota Alphard รุ่นใหม่มีไฟท้ายแบบ 3 ขีดใหญ่ที่ดูโฉบเฉี่ยวกว่าโฉมเดิม ซึ่งมีเพียงเส้นธรรมดา ตัวรถมีการออกแบบที่โค้งมนมากขึ้น มีเอวและ Shape ที่สวยงาม

เปรียบเทียบกับ Vellfire
- มีการออกแบบท้ายรถที่แตกต่างจาก Alphard โดยเน้นความสปอร์ตและทันสมัยมากขึ้น
 
ฟีเจอร์การเปิดฝาท้าย
อัลพาร์ดรุ่นใหม่ยังมีฟีเจอร์ที่ช่วยให้การใช้งานสะดวกสบายมากขึ้น เช่น กิมมิคเวลาที่เปิดฝาท้ายในที่แคบ สามารถเปิดได้แบบ Analog โดยดึงที่เปิดเดิม ทำให้ไม่ต้องกดแล้วฝาท้ายจะดีดทุกครั้ง นอกจากนี้ ยังมีสวิตช์ซ่อนอยู่ใต้ไฟท้ายฝั่งซ้าย สามารถเปิดฝาท้ายได้แบบ Fully Load เมื่ออยู่ในที่สูงทั่วไป เหมือนกับ Vellfire



การออกแบบภายใน


การออกแบบภายในของ Toyota New Alphard รุ่นปี 2024 และ Vellfire รุ่นปี 2024 ได้รับการปรับปรุงอย่างละเอียดอ่อนเพื่อให้ตอบสนองต่อความต้องการของผู้ใช้งานที่ต้องการความสะดวกสบายและความหรูหราในทุกการเดินทางในหัวข้อนี้ มาเปรียบกับดูว่าทั้งคู่จะแตกต่างกันอย่างไร

Toyota New Alphard รุ่นปี 2024 

ภายในของ Toyota New Alphard รุ่นปี 2024 ได้รับการออกแบบให้มีความหรูหราและทันสมัย ด้วยวัสดุคุณภาพสูงและการจัดวางที่ลงตัว ภายในห้องโดยสารกว้างขวางและมีพื้นที่เพียงพอสำหรับผู้โดยสารทุกคน เบาะนั่งหุ้มด้วยหนังคุณภาพดี สามารถปรับได้หลายทิศทางเพื่อความสะดวกสบายสูงสุด

- ภายในห้องโดยสารของ Alphard ใช้วัสดุคุณภาพสูง เช่น หนังแท้ Premium Nappa และหนังสังเคราะห์ ตกแต่งด้วยลายไม้แบบ เพื่อเพิ่มความหรูหรา
- คอนโซลหน้าและแผงประตูหุ้มด้วยหนังสังเคราะห์ พร้อมบุนุ่มบริเวณที่วางแขนคู่หน้า ตกแต่งด้วยตะเข็บและลายไม้
- เบาะนั่งในอัลพาร์ด ถูกออกแบบให้สามารถปรับเอนได้และมีฟังก์ชั่นนวดเพื่อเพิ่มความผ่อนคลาย นอกจากนี้ยังมีที่วางแขนและที่วางแก้วน้ำที่ออกแบบมาอย่างดี เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อมระบบความจำ 3 ตำแหน่ง และระบบอุ่นและระบายความร้อน (Ventilator & Heater) สำหรับ เบาะนั่งผู้โดยสารแถวสองแบบ "Executive Lounge" แยกอิสระปรับได้ 10 ทิศทาง พร้อมเบาะรองน่องปรับไฟฟ้าและระบบนวด Massage Relaxation ที่สามารถควบคุมผ่าน Detachable Tablet และเบาะนั่งแถวที่สามแบบแยกพับอิสระ 50:50 พร้อมที่เก็บสัมภาระใต้เบาะ
- อัลพาร์ดมาพร้อมกับหน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่ที่รองรับการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่าน Apple CarPlay และ Android Auto รวมถึงระบบเสียงคุณภาพสูงจาก JBL ที่ให้เสียงคมชัดและมีมิติ พร้อมลำโพง 15 ตำแหน่ง
- ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ 3 โซน ช่วยให้ผู้โดยสารทุกคนสามารถปรับอุณหภูมิได้ตามความต้องการของทุกตำแหน่งผู้โดยสาร พร้อมระบบฟอกอากาศ nanoe™ X
- ภายในห้องโดยสารมีพื้นที่เก็บของมากมาย ทั้งที่เก็บของใต้เบาะ ที่เก็บของในประตู และที่เก็บของกลางคอนโซล


Toyota Vellfire รุ่นปี 2024 

สำหรับ Vellfire รุ่นปี 2024 มีการออกแบบภายในที่เน้นความสปอร์ตและทันสมัยมากขึ้น โดยใช้วัสดุที่มีคุณภาพและการตกแต่งเน้นไปในแนวทางสปอร์ต Alphard และ Vellfire จะมีความคล้ายคลึงกันในหลาย ๆ ด้าน แต่ก็มีความแตกต่างที่ชัดเจนในเรื่องของการออกแบบภายใน Alphard มีการออกแบบที่เน้นความหรูหราและความสะดวกสบาย ในขณะที่ Vellfire เน้นความสปอร์ตและทันสมัยมากขึ้น การเลือกใช้วัสดุและการจัดวางภายในของทั้งสองรุ่นนั้นมีความแตกต่างกันเล็กน้อย

- ภายในใช้วัสดุหนังแท้และหนังสังเคราะห์
- ตกแต่งด้วยลายไม้สีดำเพื่อความสปอร์ต
- คอนโซลหน้าและแผงประตูมีการตกแต่งที่เน้นความทันสมัยและสปอร์ต
- ระบบเสียงพร้อมลำโพง 8 ตำแหน่ง
- ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ 3 โซน พร้อมช่องระบายอากาศสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง ระบบฟอกอากาศแบบ nanoe™ X
- เบาะนั่งแถวที่สองแบบ Captain Seats พร้อมที่รองน่อง
- เบาะนั่งปรับไฟฟ้าและมีฟังก์ชั่นระบายความร้อน
- เบาะนั่งแถวที่สามสามารถพับได้เพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระ


เทคโนโลยีและฟีเจอร์


Alphard และ Vellfire รุ่นปี 2024 ทั้งสองรุ่นนี้ต่างมาพร้อมกับเทคโนโลยีและฟีเจอร์ที่ทันสมัยและครบครัน เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือชั้นและสะดวกสบายให้กับผู้ใช้รถยนต์คันนี้ ถึงแม้ว่าทั้ง อัลพาร์ด และเวลไฟร์ จะมีพื้นฐานเทคโนโลยีและฟีเจอร์ที่เหมือนกัน เรามาดูกันว่าจะมีอะไรบ้าง
 
ระบบความปลอดภัย

- ระบบความปลอดภัยขั้นสูง Toyota Safety Sense 3.0
- ระบบ Dynamic Radar Cruise Control แบบ All-speed ที่สามารถลดความเร็วอัตโนมัติขณะเข้าโค้ง
- ระบบความปลอดภัยก่อนการชน (PCS)
- ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลนพร้อมพวงมาลัยหน่วงกลับอัตโนมัติ (LDA)
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่กลางเลน (LTA)
- ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (AHB)
- ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง (BSM)
- ระบบช่วยเตือนขณะถอยรถ (RCTA)
- ระบบช่วยเตือนการเปิดประตู (Safe Exit Assist)
- กล้องมองรอบคัน (PVM)
- ระบบเบรก ABS / EBD / BA
- ถุงลมนิรภัยคู่หน้า / ด้านข้าง / ม่านด้านข้าง
 
ระบบอินโฟเทนเมนต์และการเชื่อมต่อ 

- หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ขนาด 12.3 นิ้ว
- หน้าจอเครื่องเสียงแบบสัมผัส Head-up Display ขนาด 14 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay แบบไร้สาย
- ระบบนำทาง Navigator
- ระบบเชื่อมต่อ T-Connect
- ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ 4 โซน พร้อม nanoe™ X สำหรับห้องโดยสารตอนหน้า


 บทสรุป : Alphard VS Vellfire รุ่น 2024 จะเลือกแบบไหน ต่างกันอย่างไร


ด้านการออกแบบภายนอก

- Alphard : มีการออกแบบที่เน้นความหรูหราและสง่างาม กระจังหน้ามีลายที่โดดเด่นและดุดันมากขึ้น ไฟหน้ามีการออกแบบให้ดูเฉียบคมและมีขนาดเล็กลง แต่ยังคงความสวยงามและดุดัน
- Vellfire : มีการออกแบบที่เน้นความสปอร์ตและทันสมัยมากกว่า กระจังหน้าและไฟหน้ามีการออกแบบที่แตกต่างจากอัลพาร์ด ทำให้ดูมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

การออกแบบภายใน

- ทั้ง Alphard และ Vellfire มีการออกแบบภายในที่หรูหราและสะดวกสบายเหมือนกัน วัสดุที่ใช้เป็นหนังทั้งหมด ไม่มีความรู้สึกของพลาสติก พวงมาลัย 3 ก้านดูสปอร์ต มีลายไม้ตรงกลาง พร้อมด้วยฟังก์ชันมัลติฟังก์ชันที่ครบถ้วน

 
เทคโนโลยีและฟีเจอร์

- ทั้งสองรุ่นมาพร้อมกับระบบเทคโนโลยีที่ทันสมัย เช่น ระบบ Driving Assist, ระบบ Lane Departure Warning, Porsche Assistance Sensor, Blind Spot Monitoring, Rear Cross Traffic Alert, Parking Support Brake, Safe Exit Assist และ Rear Camera Detection รวมถึง Road Sign Assist และ Speed Monitor


ประสิทธิภาพและการขับขี่ 

- ทั้ง อัลพาร์ด และ เวลไฟร์ มีทั้งรุ่นเครื่องยนต์เบนซินล้วนและรุ่นไฮบริด ทำให้ผู้ใช้สามารถเลือกได้ตามความต้องการ การขับขี่ในรุ่นนี้มีความนิ่มขึ้น กระชับขึ้น และมั่นคงขึ้น เทียบเคียงกับรถ MPV แบรนด์ยุโรปได้เลย


ความคุ้มค่าและราคา

-  ราคาของทั้งสองรุ่นนี้ค่อนข้างใกล้เคียงกัน โดยเริ่มต้นที่ราว 4 ล้านบาท และสามารถเพิ่มขึ้นได้ถึง 6-7 ล้านบาทสำหรับรุ่น Executive Lounge

การตัดสินใจเลือก

- Alphard : เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความหรูหราและสง่างามในการออกแบบภายนอก และต้องการความสะดวกสบายสูงสุดในการเดินทาง
- Vellfire : เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความสปอร์ตและทันสมัยในการออกแบบภายนอก และต้องการความสะดวกสบายที่ครบครัน หากชื่นชอบการออกแบบที่ดูสปอร์ตและทันสมัย Vellfire อาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกว่า





 

หากคุณกำลังมองหารถตู้ MPV อย่าง Toyota Alphard หรือ Vellfire รุ่นปี 2024 แต่ยังไม่แน่ใจว่ารุ่นไหนเหมาะกับคุณ B Autohaus ผู้เชี่ยวชาญด้านรถยนต์นำเข้า พร้อมให้คำปรึกษาและแนะนำอย่างละเอียด เพื่อให้คุณได้เลือกซื้อรถที่ตรงกับความต้องการและไลฟ์สไตล์ของคุณมากที่สุด เรามีโปรโมชั่นพิเศษมากมายสำหรับลูกค้าที่สนใจซื้อรถยนต์นำเข้า ไม่ว่าจะเป็นข้อเสนอพิเศษในการซื้อรถ การผ่อนชำระที่ยืดหยุ่น หรือของแถมสุดพิเศษที่คุณไม่ควรพลาด




Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้